ตกแต่ง

ตกแต่ง

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

จำนวนของกุหลาบมีความหมายอย่างไร?



การให้ดอกกุหลาบ 
นอกจากจำนวนที่ไม่เท่ากันแล้วความหมายยังต่างกันอีกด้วย

                                                                                                                                                               

                                                                                                                                                               





Meaning of rose - ความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสี


--Meaning of rose--
ดอกกุหลาบแต่ละสีมีความหมายที่แตกต่างกัน

ให้กุหลาบแต่ละสีแทนความในใจที่อยากจะบอก
                                                                                                            








ความหมายดอกกุหลาบอื่น ๆ  

           กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน" 

           กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ" 

           กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว" 

           กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว" 

           กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทะนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ" 

           กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

           กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย 

          และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของดอกกุหลาบ 

credit by edhttp://hilight.kapook.com/view/17583
                                                                                                     


วีดีโอความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสี




                                                                                                    










วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Blue rose - ความรักที่เป็นไปไม่ได้ รักที่ไม่สมหวัง

                                Blue Rose









"กุหลาบสีน้ำเงิน Blue Rose"


ความหมายของมันคือ การปฏิเสธ การบอกลา หรือการไม่สมหวัง
        
เพราะมีเรื่องเล่า...


                                               เรื่องมีอยู่ว่า........ 


        นานมาแล้วมีชายหญิงคู่หนึ่ง  ทั้งสองรักกันมากและก็กำลังจะแต่งงานกัน


แต่ก่อนที่จะแต่งงาน ฝ่ายชายสัญญาว่า จะสร้างดอกกุหลาบที่มีสีน้ำเงินขึ้นมา

        ด้วยเหตุผลที่ว่าหญิงที่เค้ารักชอบดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่สุด

        เค้าทั้งสองสัญญากันว่าเมื่อเค้าได้สร้างกุกลาบสีน้ำเงินได้เมื่อไหร่

      เค้าจะขอเธอแต่งงานอีกครั้งและจะมอบกุหลาบสีน้ำเงินเป็นของขวัญวันแต่งงาน

        ทายซิฝ่ายชายทำได้รึป่าว??

        คำตอบคือ แน่นอน ทำไม่ได้ (ไม่งั้นคงไม่มีความหมายแบบนี้หรอก)

        แล้วเวลาก็ผ่านมาเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี

  ที่หญิงสาวรอคอยคนรัก แต่การรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อการสร้างกุหลาบนั่นไม่สำเร็จ

  เพราะถ้าสำเร็จคุณคงจะเห็นดอกกุหลาบสีน้ำเงินในปัจจุบันนี้

    แล้วคุณรู้มั้ยหญิงสาวผู้นั้นรอคอยชายที่ตนรัก  และตายไปอย่างโดดเดี่ยวในที่สุด

    ส่วนชายผู้นั้นเมื่อรู้ว่าหญิงที่เค้ารักตายไป เค้าก็ตรอมใจและก็ตายตามหญิงที่เค้ารักไป


        จนผู้คนให้นิยามกับดอกกุหลาบสีน้ำเงินว่า

        "การรอคอยที่ไม่มีวันสิ้นสุด"

        อีกหนึ่งความหมายก็คือ
        " ความรักที่ไม่สมหวัง"

*ความหมายเดิม =เป็นไปไม่ได้ (ก่อนนี้ไม่มีอยู่จริงตามธรรมชาติ) เป็นการปฏิเสธอย่างรุนแรง

**ความหมายใหม่ = ดอกไม้แห่งความสมหวัง  ดอกไม้นำความสุข เช่นเดียวกับ "นกสีน้ำเงิน" (หลังผลิตได้จากการพัฒนาทางวิศวพันธุกรรม)


                                                                                                                                                                   

กุหลาบพันธ์ใหม่.. "สีน้ำเงิน" ตัดต่อพัธุกรรมสำเร็จแล้ว
     ขึ้นชื่อว่าดอกกุหลาบต้องมีกลีบสีแดงใช่ไหม? คนญี่ปุ่นบอกว่า ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว บริษัทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นได้ใช้เทคนิคตัดต่อพันธุกรรม สร้างกุหลาบสีน้ำเงินเป็นผลสำเร็จ ในปีหน้าจะเริ่มมีขายทั่วไป

เอกชนรายนี้ก็คือ  ซันทอรี ผู้ผลิตสุรารายใหญ่ โฆษกของบริษัทบอกว่า ทางบริษัทคาดว่าจะขายกุหลาบน้ำเงินได้ปีละหลายหมื่นดอก

โฆษก คาซูมาซา นิชิซากิ บอกว่า ราคาของมันจะค่อนข้างแพง ฉะนั้น ทางบริษัทจะจับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการซื้อเป็นของขวัญ แต่จะขายราคาเท่าไหร่ และจะมีชื่อการค้าว่าอย่างไร ทางบริษัทยังไม่ได้กำหนด

ซันทอรี ยังได้ไปทดลองปลูกกุหลาบน้ำเงินนี้ในออสเตรเลียและสหรัฐด้วย  เพื่อขออนุญาตออกวางจำหน่ายในอนาคต แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดตัวในประเทศทั้งสอง

บริษัท นี้ได้แถลงเปิดตัวกุหลาบสีน้ำเงินมาตั้งแต่ปี  2547  หลังจากศึกษาวิจัยมานาน 14 ปี โดยมีนักวิจัยของออสเตรเลียเข้าร่วมโครงการด้วย ซันทอรีได้สร้างกุหลาบแบบนี้ขึ้นด้วยการปลูกถ่ายสารพันธุกรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดการสังเคราะห์เม็ดสีสีน้ำเงินขึ้น ซึ่งเม็ดสีที่เรียกว่าเดลฟีนิดีนนี้ ไม่ได้มีในกุหลาบตามธรรมชาติ.



credit by http://board.postjung.com/533165.html
                                                                                                                                                                   







Video - Queen of Flowers


Rose - Queen of Flowers - The Secrets of Nature




                                                                                                                              

Legend Of Rose - ตำนานดอกกุหลาบ

http://images6.fanpop.com/image/photos/34600000/Pretty-Pink-Roses-roses-34610937-2560-1600.jpg

ตำนานดอกกุหลาบกับความหมายดี ๆ

กุหลาบเป็นไม้ดอกที่มีความสวยงามยากที่จะหาดอกไม้ชนิดอื่นมาเปรียบเทียบ ได้จนกระทั่งมีผู้ให้ฉายาว่า "ราชินีแห่งดอกไม้" ดังนั้นกุหลาบจึงเป็นดอกไม้ที่ นิยมปลูกและใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ

                    กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้ เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย
        ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย

                 ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิจีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย 

                  กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

                บางตำนานกล่าวว่ากุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือ คลอริส บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ ในตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์ เป็นเทพผู้ประทานความงามให้ มีเทพอีกสามองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์ และมี เซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดฟ้าให้กับแสงของเทพ อพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมาเพื่อประทานพรอมตะ จากนั้น ไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่นี้ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า Rosa จากนั้น เทพธิดาคลอริส ก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผาชาติทั้งมวล จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบให้กับเทพ อีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก กุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง 


                                                                                                                                       

ตำนานดอกกุหลาบในเมืองไทย


               กุหลาบมาจากคำว่า "คุล" ในภาษาเปอร์เชีย แปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบและเข้าใจว่าจากเปอร์เซียได้แพร่เข้าไปในอินเดีย เพราะในภาษาฮินดีมีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้" และคำว่า "คุลาพ" หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ"  ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก

        กุหลาบเข้ามาเมืองไทยสมัยใดไม่ทราบแน่ชัด แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บันทึกไว้ว่าได้เห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และที่แน่นอนอีกแห่งก็คือ ในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ กล่าวถึงกุหลาบไว้ว่า



    กุหลาบกลิ่นเฟื่องฟุ้ง      หอมรื่นชื่นชมสอง

        นึกกระทง        ใส่พานทอง

       หยิบรอจมูกเจ้า        เนืองนองสังวาส

 ก่ำเก้าบ่ายหน้า       เบือนเสีย 

               สำหรับตำนานดอกกุหลาบของไทยเล่ากันว่า เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา" ซึ่งนางได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ" ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มากแต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาบให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา 


--The End--





















credit by http://www.catholic.or.th/spiritual/article/valentineday/valentineday04.html